top of page

ABOUT SMARTSCIENCE

โครงการห้องเรียนพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ 

หลักการและเหตุผล 

ตามที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะสนับสนุนผู้มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตั้งแต่ระดับพื้นฐานถึงอุดมศึกษา  เช่นการเพิ่มโรงเรียนวิทยาศาสตร์ การให้สถาบันวิจัยมีส่วนร่วมในการผลิตบุคลากรระดับปริญญาโทและเอกเป็นต้น จะผลักดันให้ประชาชนมีความเข้าใจและตระหนักในความสำคัญของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียิ่งขึ้น (คำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันพุธที่ 23 มีนาคม 2548) ทำให้เกิดแนวคิดที่จะมีการจัดตั้งโรงเรียนวิทยาศาสตร์ขึ้นใหม่ ที่มีลักษณะแบบเดียวกับโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์  เพื่อเพิ่มจำนวนตัวป้อนที่มีคุณภาพสูงเยี่ยมเข้าสู่การศึกษาระดับอุดมศึกษาจนถึงปริญญาเอก เพื่อพัฒนาไปสู่ความเป็นนักวิจัย นักประดิษฐ์ นักคิดค้น ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีคุณภาพระดับมาตรฐานโลกต่อไป ให้กระจายอยู่ทุกภูมิภาคนั้น 

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์แล้วเห็นว่าการดำเนินการจัดตั้งโรงเรียนวิทยาศาสตร์ขึ้นใหม่ตามแนวคิดข้างต้น เป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์ แต่จะต้องใช้วงเงินงบประมาณสำหรับดำเนินการ ทุนการศึกษา และงบลงทุน เพื่อให้มีโรงเรียนวิทยาศาสตร์ 5 แห่ง ใน 5 ภูมิภาค  ในเวลา 5 ปี (2549-2553) เป็นวงเงินสูงถึง 3,624.3 ล้านบาท โดยให้ผลผลิตนักเรียนเพิ่มขึ้นในแต่ละระดับชั้น ปีละ 240 คน ต่อแห่ง รวมเป็นนักเรียนทั้งสิ้น 5,760 คน เฉลี่ยนักเรียนหนึ่งคนต้องใช้วงเงิน  629,218.75 บาท แต่เมื่อพิจารณาสภาพเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบัน  ซึ่งจำเป็นจะต้องนำวงเงินงบประมาณที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่าที่สุด และเกิดประโยชน์สูงสุด จึงเห็นว่าสามารถดำเนินการได้อีกแนวทางหนึ่งซึ่งจะใช้วงเงินงบประมาณอย่างประหยัดและคุ้มค่ากว่า โดยจัดห้องเรียนพิเศษด้านวิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนที่มีความสามารถด้านนี้ โดยจัดเปิดห้องเรียนพิเศษในโรงเรียนที่มีคุณภาพเป็นที่นิยมเชื่อถือของประชาชน  ซึ่งมีกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค  สามารถให้บริการการศึกษาได้อย่างทั่วถึง 

โรงเรียนยอดนิยมหรือโรงเรียนประจำอำเภอที่จะนำมาจัดห้องเรียนพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ เป็นโรงเรียนซึ่งเป็นที่ยอมรับของสังคมและสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ ว่ามีมาตรฐาน และมีศักยภาพสูง โดยนักเรียนในแต่ละโรงเรียน ได้พิสูจน์แล้วว่าโรงเรียนสามารถจัดการเรียนการสอนที่ดี มีคุณภาพ  สามารถผลิตนักเรียนที่มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์  คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีที่สามารถเป็นผู้แทนประเทศไทยไปแข่งขันในระดับนานาชาติ และคว้ารางวัลมาแล้ว และเมื่อจบการศึกษายังสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ในคณะต่างๆ เป็นจำนวนมาก ทำคะแนน     ได้สูง สำเร็จการศึกษาเป็นแพทย์ วิศวกร สถาปัตย์  นักการเมือง นักปกครอง นักการศึกษา และอื่นๆ อีกหลากหลาย 

การจัดห้องเรียนพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนที่มีทักษะและความสามารถเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และประสงค์จะเป็นนักวิทยาศาสตร์หรือนักวิจัย ต่อไปในอนาคต  อย่างน้อยโรงเรียนละหนึ่งห้องเรียน  โดยเพิ่มเงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนการดำเนินการของโรงเรียนอีกเพียง 400,000 บาท ต่อแห่ง (สำหรับนักเรียน 40 คน ต่อห้องเรียน) ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าการดำเนินการของโครงการจัดตั้งโรงเรียนวิทยาศาสตร์ใหม่  ที่ต้องใช้งบประมาณเฉลี่ยคนละ 629,218.75 บาท (ในช่วงเวลา 5 ปี) แต่ถ้าดำเนินการจัดทำห้องเรียนวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดที่เสนอแล้ว  จะใช้งบประมาณเพิ่มสำหรับนักเรียนคนละ 30,000 บาท (ในช่วงเวลา 3 ปีการศึกษา)  ซึ่งจะเห็นว่าวงเงินงบประมาณแตกต่างกันถึง 599,218.75 บาท ต่อคน และที่สำคัญคือนักเรียนได้เรียนในโรงเรียนใกล้บ้าน ได้อยู่ใกล้ชิดกับครอบครัว เกิดความอบอุ่น มีผู้ปกครองดูแลใกล้ชิด ดีกว่าการเดินทางไปเรียนโรงเรียนวิทยาศาสตร์ที่ตั้งใหม่ ซึ่งจะต้องอยู่ประจำ และมีค่าใช้จ่ายสูง  นอกจากนี้แล้วการเปิดห้องเรียนพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ยังเอื้อต่อผู้ที่มีฐานะยากจนและด้อยโอกาส  แต่มีสติปัญญาดี และประสงค์จะเป็นนักวิทยาศาสตร์ ได้มีโอกาสที่จะเข้าเรียนได้ โดยโรงเรียนเหล่านี้ตั้งอยู่ในภูมิลำเนาของนักเรียนอยู่ด้วยแล้ว ทำให้นักเรียนเสียค่าใช้จ่ายต่ำ 

การจัดวงเงินอุดหนุนเพิ่มนี้ สำหรับจัดเป็นทุนการศึกษาสนับสนุนนักเรียนยากจนและด้อยโอกาสด้วยส่วนหนึ่ง  และสนับสนุนให้โรงเรียนจัดทำเครื่องมือคัดกรองนักเรียน จัดทำหลักสูตรเฉพาะ จัดหาสื่อวัสดุอุปกรณ์ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพิ่มขึ้น สนับสนุนการจัดทำโครงงาน  การอยู่ค่าย และการนำเสนอผลงานนวัตกรรมใหม่ๆ ของนักเรียน การเปิดเวทีให้นักเรียนได้แสดงศักยภาพ  การอบรมและพัฒนาครูให้มีทักษะและวิธีการสอนที่ทันสมัยโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ สามารถสอนให้นักเรียนเกิดการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ รู้จักวิธีการบริหารจัดการที่เหมาะสม รู้จักใช้วิธีการบูรณาการ ลดการท่องจำ และที่สำคัญที่สุดคือการให้นักเรียนตระหนัก  รู้สึกรัก และเห็นคุณค่า ตลอดจนเห็นความสำคัญของการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี เกิดความมุ่งหวังที่จะเป็นนักวิทยาศาสตร์ เป็นอาจารย์หรือนักวิจัย เพื่อเป็นกำลังที่สำคัญของชาติต่อไป  ซึ่งจะเป็นการสร้างกำลังคนที่มีศักยภาพสูงทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโดยใช้วงเงินจำกัด

วัตถุประสงค์ 

เพื่อเร่งรัดพัฒนาเด็กและเยาวชนที่มีความสามารถพิเศษที่มีทักษะด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี ให้เป็นนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย เป็นการเพิ่มปริมาณนักวิทยาศาสตร์ ภายในประเทศให้มากขึ้น  สามารถเพิ่มขีดความสามารถของประเทศไทยในการแข่งขันกับนานาประเทศได้ 

เป้าหมาย

- เป้าหมายเชิงปริมาณ
1.  พัฒนานักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ จำนวน 1,000 คน
2.  ยกระดับผลสัมฤทธิ์นักเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ให้สูงขึ้นทั้งระดับประถมศึกษา 

- เป้าหมายเชิงคุณภาพ         
1. เด็กและเยาวชนได้รับการพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี เต็มตามศักยภาพ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่มีความสามารถพิเศษ         
2. โรงเรียนมีรูปแบบการจัดการศึกษาแบบบูรณาการ สำหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และการอนุรักษ์ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน เห็นผลเป็นรูปธรรมที่จะนำมาพัฒนา        ผู้ที่สนใจและมีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์  คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี เพื่อนำไปขยายผลให้แก่โรงเรียนต่างๆ ดำเนินการวางรากฐานการศึกษาให้แข็งแกร่งต่อไป 


กิจกรรมการพัฒนา         

1.  การพัฒนาโรงเรียน                 

1.1  โรงเรียนมีวิสัยทัศน์  แผนการดำเนินการ มีเครื่องมือการคัดกรองนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษ  มีหลักสูตรเฉพาะ มีห้องเรียน แผนการเรียน สื่อ อุปกรณ์  เป็นการเฉพาะและระบบการส่งต่อ 
1.2  มีการปรับและจัดทำหลักสูตรเฉพาะนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษ  มีการบูรณาการในทุกรายวิชาและทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่ชัดเจน มีวงจรหลักสูตรที่สามารถปรับให้สั้นลงเพื่อให้ทันและสอดคล้องกับความเจริญก้าวหน้า และเทคโนโลยีสมัยใหม่  เช่น ควรปรับปรุงทุกๆ 2 ปี
1.3  มีสื่ออุปกรณ์ที่ทันสมัยมีประสิทธิภาพ  มีศักยภาพที่จะผลิตสื่อการเรียนการสอน  มีการใช้อินเทอร์เน็ตและอินทราเน็ต ช่วยในการเรียนการสอน                 
1.4  มีการพัฒนาครูให้รู้จักวิเคราะห์  สังเคราะห์ และรู้จักการบูรณาการวิธีการใช้สื่อ / อุปกรณ์ ได้รับการอบรมเทคนิควิธีการสอนแบบเน้นนักเรียนเป็นสำคัญ   เน้นการสอนแบบมีส่วนร่วม มีโอกาสศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนกับโรงเรียนอื่นๆ ที่มีศักยภาพได้มาตรฐาน ทั้งในและนอกประเทศ                 
1.5  มีเครือข่ายกับมหาวิทยาลัยในท้องถิ่น  ที่จะทำโครงงานวิทยาศาสตร์ร่วมกัน จัดทำแผนการอบรมครูแผนใหม่อย่างเป็นระบบ                 
1.6  มีการปรับการวัดและประเมินผลโดยที่มีการทำข้อสอบแบบอัตนัยมากขึ้น ลดข้อสอบแบบปรนัย   มีการจัดทำข้อสอบกลางที่มีมาตรฐานเดียวกัน มีการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานทั้งทางด้านหลักสูตร ครู  การเรียน การสอน  สื่อ-อุปกรณ์ และการประเมินผล                 
1.7  มี website เผยแพร่ความรู้  การดำเนินการของโรงเรียนและนักเรียน           


2. การพัฒนานักเรียน                 

2.1  นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษได้รับการแบ่งกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน  เพื่อนำมาพัฒนาเฉพาะด้าน  ตรงตามศักยภาพ                 
2.2  นักเรียนมีโอกาสแสดงผลงาน/ ประกวดแข่งขัน/ สัมมนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรียนรู้ของนักเรียน (symposium)                 
2.3  นักเรียนได้รับการสนับสนุนให้จัดทำโครงงาน/ โครงการวิจัย                 
2.4  นักเรียนได้รับการสนับสนุนให้เข้าค่ายวิทยาศาสตร์/ ค่ายอนุรักษ์  ค่ายบูรณาการ                 
2.5  นักเรียนได้รับการพัฒนาและได้รับการสนับสนุนในการเข้าแข่งขัน ประกวดระดับประเทศ ระดับชาติ 

Our History

 โรงเรียนพะเยาพิทยาคมตั้งขึ้น เมื่อปีพุทธศักราช  2479   โดยอาศัยเรียนรวมกับโรงเรียนเทศบาล 1 (พะเยาประชานุกุล) ใช้ชื่อว่าโรงเรียนพะเยา “พะเยาพิทยาคม” ปีพุทธศักราช 2482 กระทรวงศึกษาธิการได้จัดสรรงบประมาณ 5,000.00 บาท (ห้าพันบาทถ้วน) เพื่อสร้างอาคารเรียนที่ตำบลประตูชัย ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบัน ได้เปิดดำเนินการสอนเมื่อวันที่  19   มีนาคม   พ.ศ  2582

          ในปีพุทธศักราช 2484 ประชาชนชาวพะเยา ได้ร่วมมือกันสร้างอาคารเรียนขึ้นมาอีกหนึ่งหลัง แต่การก่อสร้างต้องหยุดชะงักไปเพราะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อสงครามสงบลง ก็ดำเนินการก่อสร้างต่อจนแล้วเสร็จเมื่อปีพุทธศักราช 2488

          โรงเรียนได้เปิดสอนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่  6 ตั้งแต่ปีการศึกษา 2494 ในปีเดียวกันนี้ประชาชนชาวพะเยา ได้บริจาคเงินสร้างโรงอาหาร ถังเก็บน้ำ และโรงเก็บรถจักรยานของนักเรียน นอกจากนี้ยังมี  ผู้อุปการคุณได้สร้างโรงพลศึกษา อุทิศส่วนกุศลให้แก่ เจ้าแม่ไหว ศีติสาร อีกหนึ่งหลัง

          ต่อมาปีพุทธศักราช 2501 ผู้ปกครองนักเรียนได้บริจาคเงินสร้างอาคารห้องสมุดให้อีกหนึ่งหลังและได้รับ งบประมาณจากกระทรวงศึกษาธิการอีก 40,000.00 บาท (สี่หมื่นบาทถ้วน) เพื่อซ่อมแซมอาคารเรียนที่ถูกพายุพัดเสียหายและทางราชการได้แยกนักเรียนหญิง ให้ไปเรียนที่โรงเรียนสตรีพะเยา   ครั้นเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2501 นายมนู ยอดปัญญา ครูใหญ่ได้ถึงแก่กรรม กระทรวงศึกษาธิการจึงแต่งตั้ง นายสวัสดิ์ อดุลย์พงษ์ มาดำรงตำแหน่งครูใหญ่เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2501

           ต่อมาเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2513 กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศยุบให้โรงเรียนสตรีพะเยารวมกับโรงเรียนพะเยา “พะเยาพิทยาคม” แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น “โรงเรียนพะเยาพิทยาคม” 

           เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2513 ทางราชการได้แต่งตั้ง   นางบุญรัตน์ โรจนศักดิ์   ให้มาดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่  แทนนายสวัสดิ์   อดุลย์พงษ์ ซึ่งลาออกจากราชการไป

           เมื่อปีการศึกษา  2521 โรงเรียนได้รับคัดเลือกเข้าโครงการพัฒนาโรงเรียนในส่วนภูมิภาค (ค.ม.ภ.ร.2) รุ่นที่ 4 อันดับที่ 50 โดยใช้หลักสูตรของสำนักงานโครงการศึกษาพิเศษ (ส.ค.ศ)กรมสามัญศึกษากระทรวงศึกษาธิการ

           ปี พ.ศ.2542 โรงเรียนได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการเงินกู้ธนาคารโลก โดยได้รับงบประมาณในการพัฒนาและปรับปรุงห้องเรียน และครุภัณฑ์ เพื่อการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์
และภาษาอังกฤษ

           ปี พ.ศ.2548 โรงเรียนได้รับคัดเลือกให้รับรางวัลพระราชทาน ประเภทโรงเรียนขนาดใหญ่ 

           ปี พ.ศ.2549 โรงเรียนได้รับจัดสรรอาคาร 5 หลังใหม่ ใช้จัดการเรียนการสอนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ห้อง IT และห้องพักครูกลุ่มสาระภาษาไทย

           ปัจจุบันผู้อำนวยการสถานศึกษา โรงเรียนพะเยาพิทยาคม  คือ  นายประสงค์ พรหมสิทธิ์

Our Philosophy

ตราโรงเรียน : เป็นวงกลมประดับด้วยกลีบบัว 32 กลีบ มีอักษรย่อ “พ.ค.”                       

ความหมาย    :   นักเรียนที่สำเร็จการศึกษาไปจากสถานศึกษาแห่งนี้ แสดงว่าเป็น
ผู้ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม เปรียบประดุจ
บัวที่พ้นน้ำ  และเป็นผู้ที่เต็มเปี่ยมด้วยคุณธรรม 32 ประการ

สีประจำโรงเรียน   :   “ฟ้า – บานเย็น”  

             สีฟ้า            หมายถึงความสงบ สะอาด และร่มเย็น

             สีบานเย็น    เป็นสีประจำมณฑลพายัพ ซึ่งได้รับพระราชทานมาตั้งแต่รัชกาลที่  6     

ดังนั้น  สีฟ้า-บานเย็น  จึงแสดงถึงเกียรติภูมิของโรงเรียนและความร่มเย็นเป็นสุข

ต้นไม้ประจำโรงเรียน :   ต้นมะขาม 

คติพจน์โรงเรียน

คารโว  วินเย  เอตมฺมงฺคล  มุตฺตมํ
การเคารพในระเบียบวินัยเป็นมงคลอันสูงสุด

 

อัตลักษณ์

เป็นคนดี  มีวินัย  ใฝ่เรียนรู้

 

เอกลักษณ์

วิชาการดี  กีฬาเด่น  เน้นวินัย  ใส่ใจชุมชน

 

 

:: วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าประสงค์ ::

วิสัยทัศน์

ภายในปีการศึกษา 2558
โรงเรียนพะเยาพิทยาคมเป็นสถานศึกษาชั้นนำ
ด้านวิชาการดี  กีฬาเยี่ยม  เปี่ยมด้วยศิลปะ
นาฏศิลป์  ดนตรี  เทคโนโลยีเด่น  เน้นวินัย
ใส่ใจชุมชนและสิ่งแวดล้อม  ได้ระดับมาตรฐานสากล
ดำรงตนอย่างมีความสุขตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง

พันธกิจ 

1.สร้างเสริมผู้เรียนเป็นคนดี  มีวินัย  มีคุณธรรม  จริยธรรม  และค่านินมที่พึงประสงค์
2.สร้างเสริมให้มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี
3.ส่งเสริมให้ผู้เรียนรักษ์สิ่งแวดล้อมพร้อมสืบสานวัฒนธรรม
4.มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีความเป็นเลิศทางวิชาการสู่มาตรฐานสากล
5.ส่งเสริมให้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยี  มาใช้ในการจักการเรียนรู้ และการบริหารจัดการ

 เป้าประสงค์ 

1.ผู้เรียนเป็นคนดี มีวินัย มีคุณธรรม จริยธรรม ที่พึงประสงค์
2.ผู้เรียนมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี
3.ผู้เรียนรักษ์สิ่งแวดล้อม  พร้อมสืบสานวัฒนธรรม
4.ผู้เรียนได้เรียนรู้โดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเต็มตามศักยภาพ
5.ผู้เรียนมีความเป็นเลิศทางวิชาการ และได้รับการพัฒนาตามมาตรฐานสากล

© 2023 by Franklin Day School. Proudly created with Wix.com

  • w-facebook
  • Twitter Clean
  • w-googleplus
  • w-youtube
bottom of page